ข้อตกลงเกี่ยวกับการใช้งาน
บริษัท พนัส แอสแซมบลีย์ จำกัด
อัพเดทล่าสุดวันที่ : 21/09/2564
1. การบังคับใช้และการยอมรับข้อตกลง

ข้อตกลงเกี่ยวกับการใช้งานนี้ รวมถึงนโยบายใดๆ ที่อ้างอิงในข้อตกลงนี้ ซึ่งจะใช้บังคับกับท่าน เมื่อท่านเข้าถึง หรือใช้งานเว็บไซต์ของเรา https://panus.co.th รวมถึง การใช้งานผ่านสื่อหรือช่องทางอื่นๆ แอพพลิเคชั่นบนมือถือ หรือการเข้าเว็บไซต์บนมือถือ (ซึ่งรวมกันเรียกว่า “บริการดิจิทัล”) ที่บริษัท พนัส แอสแซมบลีย์ จำกัดและรวมถึงบริษัทในเครือ บริษัทในกลุ่ม(ซึ่งรวมกันเรียกว่า “บริษัท” หรือ “เรา”) เป็นเจ้าของหรือ เป็นผู้ดำเนินการ เมื่อท่านเข้าใช้บริการนี้ ท่านต้องตกลงที่จะยอมรับและผูกพันข้อตกลงเกี่ยวกับ การใช้งาน และนโยบายต่างๆ ที่อยู่ในข้อตกลงเกี่ยวกับการใข้งานนี้ หากท่านไม่ตกลงกับข้อตกลงเกี่ยวกับการใช้งานหรือนโยบาย คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทขอให้ท่านยุติการใช้บริการของบริษัท เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของข้อตกลงการใช้งานนี้ คำว่า “เนื้อหา” หมายความรวมถึง ข้อมูล ข้อความ รูปภาพ วิดีโอ ข้อความเสียง บทความ ความเห็น กราฟฟิก การโต้ตอบหรือสื่อสารใดๆ ที่ผ่านช่องทางบริการดิจิทัล หรือที่เกี่ยข้องกับบริการดิจิทัล

2.การเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับข้อตกลงการใช้งานนี้

บริษัทขอสงวนสิทธิในการแก้ไขเปลี่ยนแปลงทั้งหมดหรือบางส่วนของข้อตกลงการใช้งานฉบับนี้ (รวมถึงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล) ไม่ว่าในเวลาใดๆ โดยจะประกาศข้อตกลงการใช้งานฉบับแก้ไขล่าสุดในบริการดิจิทัล ซึ่งท่านควรเข้า https://panus.co.th เพื่อตรวจสอบข้อตกลงการใช้งานฉบับปัจจุบัน ซึ่งถ้าหากท่านยังคงใช้บริการดิจิทัลของบริษัทอยู่ต่อไป บริษัทจะถือว่าท่านยอมรับการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนั้น

3.นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ในการเข้าถึงหรือใช้บริการดิจิทัล บริษัทอาจจะเก็บข้อมูลของจากท่านหรือเกี่ยวกับท่าน ซึ่งบริษัทจะใช้ข้อมูลของท่านให้สอดคล้องกับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โปรดสละเวลาสักครู่เพื่ออ่านนโยบายความเป็นส่วนตัวของเราที่ https://panus.co.th/policy นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงการใช้งานนี้

4. สิทธิทางทรัพย์สินทางปัญญาและทรัพย์สินอื่น ๆ

ท่านรับทราบและตกลงว่า บริการดิจิทัลและเนื้อหาใดๆ ที่สร้างโดยบริษัทและได้เผยแพร่ผ่านบริการดิจิทัลนี้ ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายว่าด้วยลิขสิทธิ์ เครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการ สิทธิบัตร ความลับทางการค้า และสิทธิอื่นใดตามกฎหมาย และบริษัท (และผู้อนุญาตให้ใช้สิทธิ) ยังคงเป็นเจ้าของสิทธิ์ กรรมสิทธิ์ และประโยชน์ทั้งหมดในบริการดิจิทัล (รวมถึงทรัพย์สินทางปัญญาและสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา) ท่านต้องไม่ ขาย อนุญาต ให้เช่า แก้ไข จำหน่าย คัดลอก ทำซ้ำ โอน เปิดเผยต่อสารธารณะ เผยแพร่ ปรับปรุง แก้ไข หรือ ดัดแปลง บริการดิจิทัล เนื้อหาใดๆ บนบริการดิจิทัลนี้

5. การปฏิเสธความรับผิด

บริการดิจิทัลถูกจัดให้ตามสภาพของเทคโนโลยีและข้อมูลที่มีและเป็นอยู่ในปัจจุบัน และบริษัท (และผู้ให้บริการของเรา) ขอปฏิเสธความรับผิดใดๆ ที่เกิดจากคำรับรองหรือเงื่อนไขใดๆ ไม่ว่าจะแสดงออกโดยชัดแจ้งหรือปริยาย รวมถึงการรับประกันหรือเงื่อนไขของความเหมาะสม ความน่าเชื่อถือ ความถูกต้อง หรือ การไม่ละเมิดของบริการดิจิทัล และเราไม่รับประกันว่าบริการดิจิทัลของเรา (ก) จะตอบสนองตรงตามความต้องการของท่าน (ข) จะพร้อมใช้งานโดยไม่มีการรบกวน หรือปลอดภัยหรือปราศจากข้อผิดพลาด (ค) จะถูกต้อง ปราศจากไวรัส หรือ อันตรายอื่นใดๆ เนื่องจากธธรรมชาติของอินเตอร์เน็ตบริษัทไม่สามารถรับรองได้ว่าข้อมูลที่ส่งระหว่างกันผ่านอินเตอร์เน็ต หรือขณะที่จัดเก็บในระบบเก็บข้อมูลของบริษัทรือในระบบอื่นใดที่อยู่ในความดูแลของบริษัทจะปลอดภัยจากการแทรกแซงโดยผู้อื่น ท่านตกลงว่าบริษัทไม่ต้องรับผิด ในกรณีมีข้อผิดพลาด การแทรกแซง การทำลาย ชำรุดบกพร่อง หรือ ความล่าช้าในการดำเนินการหรือส่งข้อมูล หรือความผิดพลาดในฮาร์ดแวร์หรือระบบเครือข่าย การโจรกรรมหรือการทำลาย หรือการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือการเปลี่ยนแปลงในเนื้อหาใดๆ ทั้งนี้ ท่านเข้าใจและตกลงว่าหากท่านดาวน์โหลดข้อมูลหรือเอกสารใดๆ ท่านจะยอมรับความเสี่ยงนั้นแต่เพียงผู้เดียว บริษัทจะไม่รับประกันและไม่รับรองการใช้หรือผลของการใช้งาน ข้อมูล บริการดิจิทัล หรือเนื้อหาอื่นใดบนบริการดิจิทัล หรือ แพลตฟอร์มออนไลน์อื่นๆ ที่เชื่อมต่อกับบริการดิจิทัลในเรื่องของอความแท้จริง ถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรืออื่นๆ

6. การชดใช้ค่าเสียหาย

ท่านตกลงที่จะชดใช้ค่าเสียหายให้กับบริษัท (และรวมถึงบริษัทในเครือ บริษัทแม่ พนักงานของบริษัท กรรมการ พนักงาน คู่สัญญา และตัวแทนของบริษัทนั้นๆ ) รวมถึงค่าใช้จ่ายและค่าทนายความตามสมควร ที่เกิดจ้างการเรียกร้องใดๆ จากบุคคลที่สาม เนื่องจากหรือที่เกิดจาก (ก) การใช้บริการดิจิทัลหรือเนื้อหา (ข) เนื้อหาของท่าน (ค) เกิดจากการละเมิดข้อตกลงการใช้นี้ (ง) การละเมิดทางกฎหมายหรือระเบียบบังคับใดๆ บริษัทขอสงวนสิทธิในป้องกันและควบคุมเรื่องใดๆ ในกรณีที่ท่านต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายต่อบริษัท และท่านตกลงร่วมมือกับเราเพื่อป้องกันข้อเรียกร้องนั้นโดยท่านเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ในกรณีเช่นว่านี้ท่านตกลงที่จะไม่ยุติคดีโดยปราศจากความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัทก่อน บริษัทจะใช้ความพยายามตามสมควรเพื่อที่จะแจ้งท่านเมื่อมีข้อเรียกร้อง การกระทำ หรือกระบวนการใดๆ เมื่อบริษัทได้ทราบถึงเหตุนั้น

7. กฎหมายที่ใช้บังคับ

ข้อตกลงการใช้งานนี้บังคับและตีความภายใต้บังคับตามกฎหมายแห่งราชอาณาจักรไทยเท่านั้น ข้อพิพาท ข้อเรียกร้องหรือการกระทำใด ๆ ที่เกิดขึ้นจากหรือเกี่ยวข้องกับข้อกำหนดการใช้งานหรือการใช้บริการดิจิทัลหรือเนื้อหาใดๆ จะอยู่ภายใต้ศาลที่มีอำนาจในประเทศไทยเท่านั้น

8. ความถูกต้องของข้อมูลของท่าน

ข้อมูลใดๆ ที่ท่านให้แก่บริษัทผ่านช่องทางบริการดิจิทัล รวมถึงในส่วนของข้อมูลบัญชีผู้ใช้ ข้อมูลการเล่นกิจกรรมในบริการดิจิทัล จะต้องจริงแท้ ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน และท่านจะรับผิดชอบในการดูแลรักษาความถูกต้องของข้อมูลนั้น หากเรามีเหตุควรเชื่อว่าข้อมูล ของท่านไม่เป็นความจริง ไม่ถูกต้อง หรือไม่เป็นปัจจุบัน บริษัทมีสิทธิที่จะยุติระงับหรือปฏิเสธไม่ให้ท่านเข้าถึงบริการดิจิทัล

9. การให้บริการของบุคคลที่สาม

บริการดิจิทัลอาจระบุช่องทางที่เชื่อมต่อเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น หรือบริการอื่นใดของบุคคลที่สาม (เช่น แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย) และโฆษณาของบุคคลที่สาม (รวมกันเรียกว่า “การให้บริการของบุคคลที่สาม”) และการให้บริการของบุคคลที่สามนี้ ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของบริษัทและบริษัทจะไม่รับผิดชอบใดๆ กับการให้บริการของบุคคลที่สาม ทั้งนี้ บริษัทขอแจ้งว่าบริษัทไม่ได้ตรวจสอบ อนุมัติ หรือ รับรองใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการของบุคคลที่ 3

10. ติดต่อเรา

หากท่านมีข้อสงสัยเกี่ยวกับข้อตกลงการใช้งานนี้ สามารถติดต่อเราได้ที่อีเมล contact@panus.co.th

นโยบายความเป็นส่วนตัว
บริษัท พนัสแอสแซมบลีย์ จำกัด
อัพเดทล่าสุดวันที่ : 21/07/2564

บริษัท พนัสแอสแซมบลีย์ จำกัด และบริษัทในเครือที่ทำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ตามรายชื่อที่ปรากฏใน หัวข้อ “รายชื่อและช่องทางการติดต่อผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” (“บริษัท”, “เรา”) ตระหนักถึงความสำคัญของการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล โดยนโยบายรักษาความเป็นส่วนตัวนี้กำหนดวิธีการรวบรวม ใช้ เปิดเผย และจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน (รวมกันเรียกว่า “การประมวลผลข้อมูล”) ไม่ว่าจะเป็นการรวบรวมข้อมูลผ่านเว็บไซต์ของบริษัท แอปพลิเคชัน แพลตฟอร์มออนไลน์อื่น ๆ หรือ เก็บข้อมูลจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรงไม่ว่ากรณีใดๆ

นโยบายรักษาความเป็นส่วนตัว นี้ใช้กับผู้ที่เข้าใช้บริการเว็บไซต์/แอพพลิเคชั่น ผู้ที่ซื้อสินค้าหรือบริการจากบริษัท รวมถึงผู้ที่เข้ามาในสำนักงานของบริษัท ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมใดๆ ของบริษัท ซึ่งในที่นี้รวมเรียกว่า (“ท่าน”, “เจ้าของข้อมูล”)
ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลใดๆที่ระบุไปถึงเจ้าของข้อมูลได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ได้แก่ ชื่อ ที่อยู่ รูปภาพโปรไฟล์ อีเมล หมายเลขโทรศัพท์ ข้อมูลอุปกรณ์หรือเครื่องมือ (IP Address) พฤติกรรมการซื้อของ การเลือกของ และข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินชีวิต เป็นต้น
ในกรณีที่ท่านเป็นคู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ หรือผู้สมัครงาน โปรดอ่านนโยบายรักษาความเป็นส่วนตัวในส่วนที่เกี่ยวข้องกับท่าน
ภาพรวมนโยบายรักษาความเป็นส่วนตัว
นโยบายรักษาความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ ประกอบด้วยหัวข้อดังต่อไปนี้ :

-บริษัทเก็บข้อมูลส่วนบุคคลประเภทใดบ้าง -วัตถุประสงค์ที่บริษัทเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
-บริษัทรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างไร
-บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างไร
-บริษัทแบ่งปันและเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านกับบุคคลประเภทใดบ้าง
-บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาเท่าใด
-สิทธิและวิธีการใช้สิทธิในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
-การถอนความยินยอมและผลกระทบที่เป็นไปได้จากการถอนความยินยอม
-บริษัทการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างไรการเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัว
-รายชื่อและช่องทางการติดต่อผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
-ท่านจะสามารถติดต่อบริษัทได้อย่างไร

บริษัทเก็บข้อมูลส่วนบุคคลประเภทใดบ้าง

ในการดำเนินการต่างๆ ของบริษัท บริษัทอาจเก็บรวบรวม ใช้ ข้อมูลส่วนบุคคลหลายหลายประเภทตามรูปแบบความสัมพันธ์ของท่านกับบริษัท ซึ่งอาจรวมถึงข้อมูลตามประเภทดังต่อไปนี้
- ข้อมูลการติดต่อ รวมถึง ชื่อ รหัสไปรษณีย์ อีเมล และเบอร์โทรศัพท์
- ข้อมูลส่วนตัว รวมถึง เพศ อายุ ข้อมูลบนบัตรที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐ ภาพจากกล้องวงจรปิด
- ข้อมูลบัญชีผู้ใช้ รวมถึง ข้อมูลการเข้าสู่ระบบ อีเมลและข้อมูลอื่น ๆ ที่ท่านได้ให้ข้อมูลผ่านบัญชีผู้ใช้นั้น
- ข้อมูลทางการเงิน รวมถึง เงินเดือน เลขบัญชีธนาคาร ข้อมูลบัตรเครดิต
- ข้อมูลการทำธุรกรรม รวมถึง สถานะการชำระเงิน ประวัติการทำธุรกรรม ใบเสร็จ ใบแจ้งหนี้
- ข้อมูลการสมัครรับข่าวสาร หรือกิจกรรมทางการตลาด รวมถึง ข้อมูลความยินยอมในการสมัครรับข่าวสารจากบริษัท บริษัทในเครือ หรือพันธมิตรทางธุรกิจ
- ข้อมูลพฤติกรรมการใช้บริการ รวมถึง เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานของลูกค้าบนเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มใดๆ การใช้ผลิตภัณฑ์และบริการ ตำแหน่งของท่านในการเข้าเยี่ยมชมโครงการ ข้อมูลเกี่ยวกับความชอบ หรือ ความคิดเห็นของท่าน
- ข้อมูลที่รวบรวมโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกัน รวมถึง ล็อคไฟล์ IP Address ซึ่งข้อมูลประเภทนี้จะถูกรวบรวมในขณะที่ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์
ในบางกรณีบริษัทอาจเก็บข้อมูลอ่อนไหว รวมถึง ศาสนา เชื้อชาติ ชาติพันธุ์ และประวัติอาชญากรรม ซึ่งบริษัทจะขอความยินยอมจากท่านโดยชัดแจ้งเท่านั้น ทั้งนี้ เว้นแต่กฎหมายจะอนุญาตให้เก็บรวบรวมโดยไม่ต้องขอความยินยอม หากท่านได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามแก่บริษัท บริษัทจะถือว่าท่านมีอำนาจที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สาม และบุคคลที่สามได้อนุญาตให้บริษัทใช้ข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในนโยบายฉบับนี้

วัตถุประสงค์ที่บริษัทเก็บ ใช้ เปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

เพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญาหรือเพื่อปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญากับเรา เช่น เมื่อท่านเข้าร่วมกิจกรรมของเรา หรือ เมื่อท่านเข้ามาติดต่อเราเพื่อให้ดำเนินการใด ๆ รวมถึงกรณีท่านลงทะเบียนขอรับข้อมูลและโปรโมชัน ซึ่งบริษัทจะจัดเก็บและใช้เฉพาะข้อมูลพื้นฐาน เช่น ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (Email address) หมายเลขโทรศัพท์เพื่อใช้สำหรับติดต่อกลับ
• เพื่อการแก้ไข ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น การจัดทำแผนการตลาด วิเคราะห์ข้อมูลการใช้ ประเมินการบริการ รวมถึงการปรับปรุง พัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการของบริษัท
• เพื่อติดต่อสื่อสาร แจ้งข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท รวมถึงสิทธิประโยชน์ โปรโมชันที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ และบริการดังกล่าว หรือการเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่เกี่ยวกับนโยบายการดูแลรักษาข้อมูลส่วนบุคคลในอนาคต
• เพื่อดำเนินการตามสัญญาที่ท่านเป็นคู่สัญญา รวมถึงกับคู่สัญญาที่บริษัทใช้บริการ เช่น แบ่งปันข้อมูลตำแหน่งพื้นที่ของท่าน กรณีบริษัทใช้บริการเพื่อการระบุตำแหน่งพื้นที่ของบุคคลอื่น
• เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย เช่น เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล การศึกษาวิจัยหรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้องที่เหมาะสม ทั้งนี้เพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของท่าน
• เพื่อวัตถุประสงค์อื่นที่ได้แจ้งขณะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือวัตถุประสงค์อื่นที่เกี่ยวข้องกับข้อหนึ่งข้อใดข้างต้น
บริษัทจะไม่ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เว้นแต่ เป็นการใช้หรือเปิดเผยเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ข้างต้น หรือเป็นการเปิดเผยต่อบุคคลในบริษัท หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องตามสัญญา หรือดำเนินการตามกฎหมาย หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานกำกับดูแล หรือได้รับความยินยอมจากท่าน

บริษัทรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างไร

บริษัทรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยตรงหรือโดยอ้อมจากแหล่งข้อมูลอื่น เช่น
• แพลตฟอร์มออนไลน์ บริษัทอาจรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เมื่อท่านลงทะเบียนบัญชีในระบบอินเทอร์เน็ต (User Account) การทำแบบสำรวจ การประกวด หรือการกรอกข้อมูลเพื่อรับข้อเสนอโปรโมชั่น การกดติดตามเพื่อรับข้อมูลการส่งเสริมการขาย หรือเพื่อเชื่อมต่อกับบริษัท
• การโต้ตอบสื่อสารออฟไลน์ บริษัทอาจรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากทางออฟไลน์ เช่น เมื่อท่านเข้ามาในสำนักงานของบริษัท เมื่อมีการติดต่อกันผ่านทางโทรศัพท์ หรือเมื่อท่านเข้าร่วมกิจกรรมของบริษัท หรือการให้นามบัตร
• บริษัทในเครือหรือพันธมิตรทางธุรกิจ ในกรณีนี้บริษัทพิจารณาและจะจัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทสามารถดำเนินการดังกล่าวได้อย่างไม่ขัดต่อกฎหมาย
• แหล่งข้อมูลที่เปิดเผยแบบสาธารณะ เช่น เว็บไซต์สาธารณะ

บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างไร

โดยทั่วไปแล้วบริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็นและมีฐานทางกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเท่านั้น ซึ่งฐานทางกฎหมายดังกล่าว สามารถจำแนกได้ดังต่อไปนี้
1) ฐานความยินยอม
• การสื่อสารกิจกรรมทางการตลาด บริษัทจะขอความยินยอมจากท่านกรณีมีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ในการทำการตลาด และติดต่อสื่อสารทางการตลาด เช่น การเสนอข้อเสนอพิเศษเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และบริการของบริษัท บริษัทในเครือ หรือพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งบริษัทไม่สามารถอาศัยฐานทางกฎหมายอื่นได้
• การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ บริษัทจะขอความยินยอมจากท่านกรณีที่บริษัทจะส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังประเทศที่มีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลต่ำกว่ามาตรฐานในประเทศไทย
• การเก็บข้อมูลอ่อนไหว
เมื่อท่านได้ให้ข้อมูลอ่อนไหวแก่บริษัท หมายความว่า ท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัทเพื่อใช้ข้อมูลอ่อนไหวสำหรับวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้
 (ก) ข้อมูลสุขภาพ เช่น โรคประจำตัว หมู่โลหิต ประวัติการแพ้อาหาร เป็นต้น: เพื่อประโยชน์ในการจัดเตรียมอาหารสำหรับงานอีเว้นท์ต่างๆ
 (ข) ศาสนา: เพื่อประโยชน์ในการจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกให้เหมาะสมกับท่าน
 (ค) เชื้อชาติ หรือสัญชาติ: เพื่อประโยชน์ในการทำรายงานทางสถิติ
 (ง) ประวัติอาชญากรรม: เพื่อป้องกันการทุจริตและรักษาความปลอดภัย โปรดทราบว่าข้อมูลอ่อนไหวของท่านอาจถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในเชิงสถิติเพื่อพัฒนาสินค้าหรือบริการให้เหมาะสมและดียิ่งขึ้น แต่การใช้ข้อมูลอ่อนไหวจะถูกใช้ในลักษณะของข้อมูลที่ถูกทำให้ไม่สามารถระบุตัวตนได้
2) ฐานทางสัญญาระหว่างท่านและบริษัท บริษัทอาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อดำเนินการตามคำขอเข้าทำสัญญาของท่าน หรือปฏิบัติตามสัญญาระหว่างกันทั้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรและไม่เป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งรวมถึการดำเนินการดังต่อไปนี้
(ก) พิจารณาความคุณสมบัติและความเหมาะสมของท่านก่อนเข้าทำสัญญา หรือให้บริการแก่ท่าน
(ข) ดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวกับหน้าที่ตามสัญญาของท่าน เช่น ติดต่อท่านเพื่อให้ปฎิบัติตามสัญญา ส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องกับสัญญา
(ค) ยืนยันตัวตนของท่านเมื่อท่านต้องการใช้สิทธิของท่านตามสัญญาที่มีไว้กับบริษัท
3) ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย บริษัทอาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยพิจารณาประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือบุคคลภายนอก ทั้งนี้ บริษัทจะพิจารณาถึงความจำเป็น ความสมดุลของประโยชน์ดังกล่าวกับสิทธิขั้นพื้นฐานของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งรวมถึงวัตถุประสงค์ต่อไปนี้
(ก) เพื่อรักษาความปลอดภัย เช่น การเก็บข้อมูล/แลกบัตรประชาชน ผู้เข้าเยี่ยมบริษัทหรือโครงการของบริษัท การเก็บภาพวงจรปิด (CCTV)
(ข) เพื่อการบริหารจัดการภายในของบริษัท และกลุ่มบริษัทดีทีจีโอ ซึ่งรวมถึง ในกรณีที่บริษัทหรือบริษัทในกลุ่มดีทีจีโอเข้าควบรวม หรือปรับโครงสร้างองค์กร หรือเหตุการณ์อื่นใดที่คล้ายคลึงกัน บริษัทอาจส่งข้อมูลของท่านไปยังบุคคลภายนอก ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมนั้นภายใต้หลักความจำเป็น
(ค) เพื่อการปรับปรุงและพัฒนาสินค้าและการบริการต่างๆ เพื่อประโยชน์ของลูกค้าของบริษัทและลูกค้าทั้งหมดของกลุ่มบริษัทดีทีจีโอ
(ง) เพื่อสื่อสารและทำการตลาด ในกรณีที่บริษัทเห็นว่าการสื่อสารทำการตลาดนั้นไม่กระทบต่อสิทธิขั้นพื้นฐานของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างมีนัยสำคัญ และเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอยกเลิกการรับข่าวสารหรือการทำการตลาดได้ทุกเมื่อ
(จ) การบันทึกภาพถ่าย ภาพเคลื่อนไหว และ/หรือ เสียง เมื่อบริษัทจัดงานอีเว้นท์ สัมมนา หรือกิจกรรมส่งเสริมการขายอื่นๆ โดยภาพถ่ายดังกล่าวมีลักษณะเป็นการเก็บภาพบรรยากาศของงาน
(ฉ) กรณีผู้ที่มีความสัมพันธ์กับบริษัทเป็นนิติบุคคล บริษัทมีความจำเป็นต้องเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่เกี่ยวข้อง รวมถึง สำเนาบัตรประชาชนหรือข้อมูลติดต่อของผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคลนั้นๆ
(ง) เราอาจเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการขาย รวมถึง ประวัติการโต้ตอบสื่อสารกับลูกค้า จำนวนการขาย บันทึกการนัดหมายลูกค้า หรือการโทรศัพท์ติดต่อกับลูกค้า เป็นต้ เพื่อประโยชน์ในการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ และปรับปรุงการดำเนินงาน
4. ฐานทางกฎหมายอื่นๆ ที่เราใช้เพื่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน นอกเหนือจากฐานทางกฎหมายตามข้อ 1. – 3. บริษัทอาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยอาศัยฐานทางกฎหมายอื่นๆ คือ ฐานหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัท ฐานความจำเป็นเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล และ ฐานจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่บริษัท ซึ่งการประมวลผลด้วยฐานทางกฎหมายอื่นๆ นั้น รวมถึงกรณีดังต่อไปนี้
(ก) เพื่อปฏิบัติตามข้อกำหนดเรื่องการรายงานงบการเงินของบริษัทที่กำหนดโดยผู้สอบบัญชี และ/หรือหน่วยงานของรัฐ และเพื่อให้ความร่วมมือกับ เจ้าพนักงานที่บังคับใช้กฎหมาย หน่วยงานราชการ หน่วยงานกำกับดูแล และ/หรือ คำสั่งศาลที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการพิจารณาคดีหรือการสืบสวนในคดี
(ข) การจัดเก็บข้อมูลการจราจรทางคอมพิวเตอร์ (Log file) ตามกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
อย่างไรก็ตาม บริษัทอาจใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ผ่านกระบวนการทำให้เป็นข้อมูลนิรนาม (Anonymization) เพื่อวัตถุประสงค์อื่นใด โดยไม่ขอความยินยอมจากท่าน

บริษัทแบ่งปันและเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านกับบุคคลประเภทใดบ้าง

บริษัทอาจเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังผู้รับตามประเภทผู้รับที่ระบุข้างล่างนี้เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ใน
นโยบายฉบับนี้ โดยบุคคลที่สามผู้รับข้อมูลนั้นอาจอยู่หรือมีเซิร์ฟเวอร์ตั้งอยู่ในประเทศไทยและต่างประเทศ ซึ่งประเภทผู้รับข้อมูลส่วนบุคคลมีดังต่อไปนี้ (ในแต่ละประเภท ให้รวมไปถึงตัวแทน พนักงานและกรรมการของบริษัท
(ก.) กลุ่มบริษัท ชลบุรีกรีนโปรดักส์ จำกัด เนื่องจากเราเป็นบริษัทในกลุ่มบริษัท ชลบุรีกรีนโปรดักส์ จำกัด ซึ่งโดยลักษณะการบริหารงานภายในกลุ่มบริษัท เราอาจต้องส่ง หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บริษัทอื่นๆ ในกลุ่มบริษัท ชลบุรีกรีนโปรดักส์ จำกัด เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ ภายใต้นโยบายรักษาความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ โดยบริษัทจะทำให้มั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน จะถูกโอนไปอย่างปลอดภัย และมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม ทั้งนี้โดยลักษณะการแบ่งปันข้อมูลระหว่างกันจะเป็นไปตามความจำเป็น ในแต่ละประเภทธุรกิจ
(ข.) ผู้ให้บริการภายนอก บริษัทอาจแบ่งปันข้อมูลของท่านไปยังผู้ให้บริการภายนอกในกรณีที่บริษัทว่าจ้างหรือแต่งตั้งบุคคลภายนอกให้ดำเนินการประมวลผลแทน/ในนามของบริษัทเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในนโยบายฉบับนี้ เช่น เพื่อการบริหารงานเว็บไซต์ การส่งสินค้าหรือบริการ การทำการตลาด การให้บริการพื้นที่จัดเก็บข้อมูล ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยี การให้บริการระบบชำระเงิน เป็นต้น
(ค.) พันธมิตรทางธุรกิจ บริษัทอาจต้องแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่พันธมิตรทางธุรกิจ ในกรณีที่มีการจัดกิจกรรมสนับสนุนการขายร่วมกัน หรือกรณีที่บริษัทเสนอสินค้าหรือบริการของพันธมิตรให้แก่ท่าน
(ง.) บุคคลภายนอกที่มีกฎหมายบังคับให้เปิดเผย บริษัทอาจจำเป็นที่จะต้องเปิดเผยหรือแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย หรือระเบียบบังคับอื่นๆ ซึ่งรวมถึง การเปิดเผยให้แก่หน่วยงานที่มีอำนาจตามกฎหมาย ศาล หรือบุคคลอื่นใด ที่มีกฎหมายกำหนดหน้าที่อย่างชัดเจน หรือเป็นกรณีที่มีเหตุน่าเชื่อว่าการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวเป็นกรณีที่จำเป็นเพื่อปกป้องสิทธิของบริษัท หรือบุคคลภายนอก ในกรณีที่บริษัทเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังบุคคลใดๆ นอกเหนือจากในกลุ่มบริษัท ชลบุรีกรีนโปรดักส์ จำกัด บริษัทจะทำข้อตกลงกับบุคคลภายนอก เพื่อกำหนดวัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล และกำหนดหน้าที่ในการปกป้องข้อมูลจากการใช้ข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือโดยไม่เจตนา เพื่อกำหนดความสามารถในการเข้าถึงข้อมูล การเปิดเผยข้อมูล ความเสียหาย สูญหาย หรือถูกทำลายของข้อมูล หากมีการโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลภายนอก หรือเซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศ บริษัทจะดำเนินการใดๆ ที่จำเป็นเพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลจะถูกโอนไปอย่างปลอดภัยและมีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม

บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาเท่าใด

บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ เท่าที่จำเป็นเพื่อทำตามวัตถุประสงค์ตามที่ได้แจ้งไว้ ณ ขณะเก็บข้อมูล หรือตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือกฎหมายอื่นๆ กำหนด ทั้งนี้ บริษัทได้เตรียมตารางเวลาที่ระบุระยะเวลาการเก็บรักษาที่เหมาะสม เพื่อให้ทำให้ท่านมั่นใจได้ว่า เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่มีความจำเป็นสำหรับการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ บริษัทจะดำเนินการลบข้อมูลของท่าน ออกจากระบบและออกจากการบันทึกของบริษัทและ/หรือทำตามกระบวนการที่ทำให้ข้อมูลนั้นไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้

สิทธิและวิธีการใช้สิทธิของท่าน

ภายใต้พระราชบัญญัติข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิในการดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังต่อไปนี้
1. สิทธิในการรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล และรับข้อมูลอื่น ๆ เช่น วิธีการที่บริษัทรวบรวมหรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และเหตุผลที่บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยทั่วไปท่านจะได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์
2. สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่ถูกต้อง ไม่สมบูรณ์ หรือทำมูลที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับท่าน
3. สิทธิในการขอลบข้อมูล ทำลายข้อมูล หรือทำให้ข้อมูลนั้นไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้
4. สิทธิในการขอระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
5. สิทธิในการโอนหรือขอให้บริษัทโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลอื่น ตราบเท่าที่พื้นฐานทางกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้นกำหนดอำนาจให้ดำเนินการได้ หรือจำเป็นสำหรับการปฏิบัติงานตามสัญญาที่ได้ทำไว้กับท่าน และการประมวลผลสามารถดำเนินการได้โดยวิธีอัตโนมัติ
6. สิทธิในการโต้แย้งคัดค้านการดำเนินการใด ๆ ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือพื้นฐานทางกฎหมายอื่น ๆ
7. สิทธิในการถอนความยินยอม ท่านสามารถถอนความยินยอมที่เคยให้ไว้กับบริษัทในเวลาใดก็ได้ อย่างไรก็ตามบริษัทอาจดำเนินการเก็บ ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามหลักเกณฑ์ทางกฎหมายอื่น
หากท่านต้องการใช้สิทธิของท่าน สอบถามหรือร้องเรียนเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย ท่านสามารถส่งคำร้องขอใช้สิทธิของท่านมายังอีเมล contact@panus.co.th โดยบริษัทอาจขอให้ท่านระบุตัวตนของท่าน ก่อนที่บริษัทจะให้บริการตามคำขอ บริษัทจะดำเนินการตอบกลับเป็นลายลักษณ์อักษรทางอีเมลทันทีที่สามารถดำเนินการได้ ซึ่งโดยปกติจะไม่เกิน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอใช้สิทธิ พร้อมข้อมูลประกอบที่ชัดเจนและเพียงพอจากท่าน อย่างไรก็ตาม บริษัทมีสิทธิที่จะปฏิเสธคำร้องขอใช้สิทธิของท่านในกรณีที่การใช้สิทธิดังกล่าวเข้าข้อยกเว้นที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้ โดยทั่วไปแล้วบริษัทจะไม่คิดค่าธรรมเนียมในการจัดการคำร้องขอใช้สิทธิ แต่หากบริษัทพิจารณาแล้วเห็นว่าคำร้องขอใช้สิทธิของท่าน ไม่มีเหตุอันควรหรือซับซ้อน บริษัทขอสงวนสิทธิเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการดำเนินการตามคำร้องขอใช้สิทธิตามสมควร นอกจากนี้ ท่านมีสิทธิยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูล เมื่อบริษัทปฏิเสธคำร้องขอใช้สิทธิของท่าน และท่านเห็นว่าการปฏิเสธนั้นไม่มีเหตุผลสมควร หรือเมื่อบริษัทไม่ได้ตอบรับคำร้องขอท่านภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้

การถอนความยินยอมและผลกระทบที่เป็นไปได้จากการถอนความยินยอม

ในกรณีที่บริษัทเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาศัยความยินยอมของท่าน ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมของท่าน ที่ให้ไว้กับบริษัทได้ตลอดเวลา ซึ่งการถอนความยินยอมนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือประมวลผลข้อมูล ส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้ว หากท่านถอนความยินยอมที่ได้ให้ไว้กับบริษัทหรือปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลบางอย่าง อาจส่งผลให้บริษัทไม่สามารถดำเนินการเพื่อบรรลุ วัตถุประสงค์บางส่วนหรือทั้งหมดตามที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ได้ ในกรณีที่บริษัทจำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากบุคคลอื่น ท่านรับรองว่าท่านมีอำนาจกระทำการแทนเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในการ รับทราบนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้และในการให้ความยินยอมแก่บริษัทในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างไร

บริษัทได้จัดเตรียมมาตรการรักษาความปลอดภัยทั้งเชิงบริหารจัดการและเชิงเทคนิคอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลจากการประมวลผลโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย ป้องกันการทำลาย การสูญหาย เสียหายหรือการเปลี่ยนแปลงแก้ไข โดยอุบัติเหตุหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย ยังรวมถึงป้องกันการใช้ การเปิดเผย หรือการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต เช่น จำกัดกลุ่มบุคคลที่สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล จำกัดประเภทข้อมูลส่วนบุคคลที่สามารถเข้าถึงได้ กำหนดมาตรการทางวินัยกรณีมีการใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลโดยไม่ชอบ เป็นต้น

การเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัว

บริษัทขอสงวนสิทธิในการปรับปรุงนโยบายนี้ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดตามที่เห็นสมควร รวมถึงในกรณีที่เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย นโยบายของรัฐบาล กฎ ระเบียบ และข้อผูกพันอื่น ๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงใดๆจะถูกประกาศ ในเว็บไซต์ของบริษัทที่ https://panus.co.th/policy โดยการเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้จะมีผลบังคับใช้ ณ วันที่ประกาศนโยบายฉบับใหม่

รายชื่อและช่องทางการติดต่อผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล

โปรดทราบว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้แก่บริษัทใดบริษัทหนึ่งตามรายชื่อข้างล่างนี้ บริษัทที่ท่านได้ให้ข้อมูลจะแบ่งปันข้อมูล ให้แก่บริษัทอื่นๆ ให้ใช้ร่วมกันเพื่อประโยชน์ในการบริหารงานภายในและอยู่ภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนดในนโยบายนี้

ท่านจะสามารถติดต่อบริษัทได้อย่างไร

หากท่านมีคำถามใด ๆ หรือต้องการใช้สิทธิของท่าน ท่านสามารถติดต่อฝ่ายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเราได้ตามที่อยู่ดังต่อไปนี้
เรียน: ฝ่ายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัท พนัสแอสแซมบลีย์ จำกัด
ที่อยู่ : 27/1 หมู่ 3 ต.กุฏโง้ง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี 20140 ประเทศไทย

อีเมล : contact@panus.co.th
เบอร์โทร : (038) 462-100-2